รบกวนลุงเฉิ่มหน่อยครับ.

กระทู้สนทนา
ขอรบกวนลุงเฉิ่มหน่อยครับ

ผมเคยเป็นคนกล้องถ่ายทีวี ช่อง ๗ ขาวดำ

ได้รับการอบรมมาว่าภาพขนาดมาตรฐาน นั้นมีอยู่ ๖ ขนาด และได้เชียนเล่าไว้ในเรื่อง ชีวิตกับโทรทัศน์ เมื่อ ๒๕๔๘

เดี๋ยวนี้ไปวางภาพในห้องกล้อง เขาบอกโจทย์ ให้วางภาพ เฮดชอร์ต หรือภาพครึ่งตัว (ภาพถ่ายบุคคลแบบครึ่งตัวหรือเฮดช็อต(Head Shot) ผมก็เลยงง ว่าเดี๋ยวนี้เขาสอนกันอย่างไรจึงไม่เหมือนที่ผมรู้

ขอแรงคุณลุงเฉิ่ม ช่วยอ่านเรื่องของผม และอธิบายขยายความด้วยครับ ว่าความรู้ของผมล้าสมัยไปมากไหมครับ......


ชีวิตกับโทรทัศน์

“ เพทาย “

ผมฉลองครบรอบสิบปี ของการเขียนหนังสือในนิตยสารทหารปืนใหญ่ ด้วยเรื่องฉากชีวิต สามตอนซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม ตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา ในระยะเวลาเหล่านั้น ผมได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวงการโทรทัศน์ด้วย เป็นเวลานานหลายปี

กล่าวตามประวัติศาสตร์นั้น โทรทัศน์ไทยได้เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ โดยการจัดตั้งบริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด และเปิดสถานีส่งโทรทัศน์ขึ้นที่วังบางขุนพรหม ออกอากาศทาง ช่อง ๔ ขาวดำ ให้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ ไทย ทีวี หรือ ท.ท.ท.เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๘ ขณะนั้นผมยังเป็นนักเรียนนายสิบ เหล่าทหารสื่อสาร จนถึง ธันวาคม ๒๔๙๘ ผมจึงได้ออกรับราชการในยศ สิบโท ใน กรมการทหารสื่อสาร

ครั้นถึง ๒๕ มกราคม ๒๕๐๑ กองทัพบกจึงได้เปิดสถานีโทรทัศน์กองทัพบกขึ้นที่ สนามเป้า บริเวณกองพลทหารม้า ออกอากาศทางช่อง ๗ ขาวดำ เป็นสถานีที่ ๒ ในประเทศไทย ใช้ชื่อย่อว่า ททบ. ขณะนั้นผมได้เลื่อนยศเป็นสิบเอก และอีกสองปีต่อมา ในบ่ายวันหนึ่ง หัวหน้ากองก็เรียกไปพบ ถามว่าผมถ่ายรูปเป็นใช่ไหม ผมก็ว่าผมเป็นช่างถ่ายภาพสมัครเล่น ได้ฝึกหัดมาหลายปีแล้ว ท่านก็บอกงั้นก็ให้ไปทำงานทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ผมก็แย้งว่าผมไม่มีความรู้ทางไฟฟ้า อิเล็กทรอนิก เลยแม้แต่เท่าหางอึ่ง ท่านบอกว่าไม่เป็นไรเขาให้ไปเป็นพนักงานกล้อง แล้วก็ให้กระดาษแผ่นเท่าฝ่ามือ ถือไปรายงานตัวกับฝ่ายเทคนิค โดยไปพร้อมกันสามคน เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๐๓ ผมจึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการโทรทัศน์ ตั้งแต่บัดนั้น

ผมมีความรู้จากการถ่ายภาพนิ่ง ในเรื่องการโฟกัสให้ภาพคมชัด การเลือกภาพให้มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ และการจัดทิศทางของแสงมาแล้ว เมื่อเป็นพนักงานกล้องถ่ายโทรทัศน์ จึงเพิ่มความรู้ในด้านการแพนไปซ้ายขวา กดและเงยกล้อง เลื่อนเข้าใกล้ถอยออกห่าง กับยกกล้อง ขึ้นทำมุมสูง และเลื่อนลงเตี้ยทำมุมต่ำ เป็นต้น ผู้สอนก็ไม่ใช่ใคร เพื่อนนายสิบที่มาทำงานก่อน เมื่อสองปีที่แล้วนั่นเอง ต่อมาเมื่อมีการอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ในการถ่ายโทรทัศน์ของข้าราชการพลเรือน คณะหนึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นหน่วยใด ซึ่งมาอาศัยห้องส่งของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก โดยอาจารย์ฝรั่งจากสิงคโปร์ เขาจัดอบรม เจ้าหน้าแสง เสียง กำกับเวที กำกับรายการ พิธีกร เว้นแต่กล้องที่ใช้เจ้าหน้าที่ของเรา ผมก็เลยได้อาศัยบทเรียนที่เขาสอนกัน ซึ่งเป็นตำรามาตรฐานสากล เพิ่มความรู้ให้ตัวเองไปด้วย

ผมจึงได้รู้ว่าการถ่ายภาพยนตร์หรือโทรทัศน์นั้น มีภาพมาตรฐานอยู่หกขนาดหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าชอต ออกเสียงว่าฉ็อด ภาพกว้างมากหรือ wide shot ถ้าเป็นภาพวงดนตรีอยู่บนเวทีก็เห็นภาพเต็มเวทีนั่นเอง เห็นนักดนตรีทั้งวง นักร้องยืนตรงกลางตัวเล็กนิดเดียว

ต่อไปก็เป็นภาพกว้างหรือ long shot ก็จะเห็นนักร้องยืนเต็มตัวหัวจรดเท้า ภาพปานกลางค่อนข้างไกลหรือ medium long shot เห็นนักร้องสามส่วน ตั้งแต่ศรีษะถึงปลายนิ้วมือ ภาพปานกลาง medium shot เห็นนักร้องครึ่งตัวแค่เอว ภาพค่อนข้างใกล้ medium close shot เห็นนักร้องแค่หน้าอก ภาพใกล้ close shot หรือ close up เห็นนักร้องแค่ใบหน้าจากศรีษะถึงไหล่ ภาพใกล้มาก big close เห็นเฉพาะใบหน้าของนักร้อง หรือแคบกว่านั้นเห็นแต่ริมฝีปาก ซึ่งไม่ค่อยจะใช้กันนัก เพราะอาจเห็นน้ำลาย หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ควรเห็น ในภาพยนตร์มักจะใช้ในฉากจูบ หรือเห็นเฉพาะมือหรือเท้าก้าวเดิน ในภาพยนตร์ลึกลับ

การที่จะให้ได้ภาพตามขนาดที่ต้องการนั้น ในโทรทัศน์อาจใช้การเปลี่ยนเลนส์ ซึ่งมีหลายขนาด หรือใช้เลนส์ซูมคือตั้งกล้องอยู่กับที่ แต่ดึงภาพให้ใหญ่ขึ้นหรือไกลออกไป กับใช้วิธีเลื่อนกล้องเข้าใกล้หรือถอยออกห่าง ก็ได้

ผมก็ใช้ความรู้เพียงแค่นั้น ถ่ายภาพออกอากาศ ตามคำสั่งของผู้กำกับรายการ อยู่ได้หลายปี แล้วก็มีความชำนาญเพิ่มขึ้น สามารถพลิกแพลงภาพได้มากขึ้น แต่ก็ไม่เหมือนสมัยนี้ เพราะกล้องถ่ายโทรทัศน์สมัยนั้นมีขนาดใหญ่กว่าปี๊บน้ำมันก๊าด หนักร่วมห้าสิบกิโลกรัม

ทำให้โรคไส้เลื่อนที่เป็นมาแต่กำเนิด และได้รับการผ่าตัดข้างขวาไปแล้วเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ กำเริบ ต้องลาออกจากหน้าที่พนักงานกล้อง
และได้รับการผ่าตัดเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕

แต่พอถึง พ.ศ.๒๕๑๙ ผมมียศเป็นร้อยเอก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองหัวหน้าฝ่ายกำลังพล ทั้ง ๆ ที่มียศน้อยที่สุด ผมจึงได้กลับไปเป็นผู้บริหาร ททบ. อย่างไม่คิดฝัน

ขณะนั้นสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ขาวดำ ได้ออกอากาศเป็นสีทั้งระบบ และเปลี่ยนเป็น ช่อง ๕ แล้ว ผมจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกอากาศของสถานี นอกจากเป็น นายทหารเวรกำกับการออกอากาศ ประจำวันตามคำสั่งเท่านั้น ไม่ต้องลงแรงแบกหามเหมือนครั้งก่อน

รวมเวลาที่ผมทำงานในสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก สองเทอมเป็นเวลา ๒๗ ปี และพ้นจากหน้าที่ทางกรมการทหารสื่อสาร และสถานีวิทยุโทรทัศน์ เนื่องจากเกษียณอายุราชการ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้วก็ใช้งานอดิเรก คือการเขียนหนังสือ มาเป็นอาชีพหลัก และส่งข้อเขียนให้กับ วารสารของเหล่าต่าง ๆ ในกองทัพบก รวมทั้งทหารปืนใหญ่ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงบัดนี้

ทำให้สมองยังไม่ฝ่อ แม้จะมีอายุผ่านหกรอบไปแล้วก็ตาม.

######################

นิตยสารทหารปืนใหญ่
กรกฎาคม ๒๕๔๘
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่